วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

การหา Network ID (Datecomm)

ชุดที่ 1 192.168.2.10/27
IP............... 11000000.10101000.00000010.00001010
subnet mask 11111111.11111111.11111111.11100000
AND............ 11000000.10101000.00000010.00000000
ฐาน10.......... 192.168.2.0

192.168.5.10/27
IP............... 11000000.10101000.00000101.00001010
subnet mask 11111111.11111111.11111111.11100000
AND............ 11000000.10101000.00000101.00000000
ฐาน10.......... 192.168.5.0


ชุดที่ 2
10.2.100.8/14
IP............... 00001010.00000010.01100100.00001000
Subnet mask 11111111.11111100.00000000.00000000
AND............ 00001010.00000000.00000000.00000000
ฐาน10.......... 10.0.0.0

10.3.150.9/14
IP............... 00001010.00000011.10010110.00001001
Subnet mask 11111111.11111100.00000000.00000000
AND............ 00001010.00000000.00000000.00000000
ฐาน10.......... 10.0.0.0
ดังนั้น มี NetworkID คือ 10.0.0.0

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2552

สอบNetwork Introduction,Ip address,Ascii

ตอนที่1 ข้อสอบอัตนัยเรี่อง Network Introduction,Ip address,Ascii จงอธิบายให้ชัดเจน ตรงคำถาม และให้สมบูรณ์ที่สุด

1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึงอะไร (5 คะแนน)
ตอบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อเพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูล

2. จงบอกหน้าที่และโครงสร้างของ OSILAYER (10 คะแนน)
ตอบ โครงสร้างOSI LAYER มีระดับชั้นของการสื่อสารข้อมูล 7 ชั้น เพื่อใช้เป็นมาตฐานในการสื่อสารข้อมูลต่างยี่ห้อกันได้โดยตั้งชื่อของมาตรฐานนี่ว่าระบบเปิด หรือOSI : Open System interconnection โดยมีระดับชั้นของการสื่อสารข้อมูล 7 ชั้น ดังนี้
1. ระดับกายภาพ Physical Layer เป็นการทำงานทางกายภาพของระบบเชื่อมต่อ ทั้งในส่วนของสัญญาณทาสงไฟฟ้า ระบบสายสัญญาณ(cable)และตัวเชื่อม(connector)
2 .ระดับการเชื่อมโยงข้อมูล Data link layer รับผิดชอบการนจำข้อมูลเข้าและออกจากตัวกลาง การจัดเฟรม การตรวจสอบและการจัดการข้อผิดพลาดของข้อมูลโดยจะมีการแบ่งออกเป็น2ชั้นย่อยคือ LIC(Logical Link Control)จะอยู่ในครึ่งบน รับผิดชอบในเรื่องการตรวจสอบข้อผิดพลาดและ MAC(Media Access control)อยู่ในครึ่งล่าง เป็นส่วนของวิธีส่งข้อมูลผ่านสื่อกลาง
3. ระดับเครื่อข่ายข้อมูล Network layer จะทำการตรวจสอบการส่งผ่านข้อมูลผ่านเครือข่าย เช่น เวลาที่ใช้ในการส่ง การส่งต่อ การจัดลำดับของข้อมูล
4. ระดับการขนส่งข้อมูล Transport layer Transport Layer จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่าง 2 Layer คือ Application - Oriented Layer ซึ่งอยู่เหนือกว่า Network - Dependent Protocol Layer ซึ่งอยู่ต่ำกว่า Transport Layer มีหน้าที่ในการเตรียมข้อความต่าง ๆ ในการสื่อสารแบบ Session Layer บริการของ Transport Layer จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ o Class 0 จะให้บริการคำสั่งพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล o Class 4 จะให้บริการเกี่ยวกับคำสั่งในการควบคุมการไหล ของข้อมูล และคำสั่งในการตรวจสอบข้อผิดพลาดต่าง ๆ
5. ระดับการโต้ตอบระหว่างกัน Session layer รับผิดชอบการควบคุมการติดต่อและการประสานของข้อมูลที่ส่งผ่านระบบเครือข่าย เช่น การตรวจสอบลำดับก่อนหลังที่ถูกต้องของ Pocket เป็นต้น
6. ระดับการแสดงผล Presentation layer เป็นการทำงานของระบบรักษาความลับและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ให้สามารถแลกเปลี่ยนกันได้
7. ระดับการประยุกต์ใช้งานApplication layer เป็นการทำงานของซอฟแวร์ประยุกต์ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบเครือข่าย เช่น การส่งผ่านแฟ้มข้อมูล การจำลอง terminal การแลกเปลี่ยนข้อมูล

3. Topology คืออะไร จงบอกข้อดีข้อเสียของ topology แต่ละชนิด (10 คะแนน)
ตอบ โทโปโลยีคือลักษณะทางกายภาพ (ภายนอก) ของเครือข่าย ซึ่งหมายถึง ลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ภายในเครือข่ายด้วยกันนั่นเอง โทโปโลยีของเครือข่าย LAN แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกัน จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องทำการศึกษาลักษณะและคุณสมบัติ ข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบ เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบพิจารณาเครือข่ายให้เหมาะสมกับการใช้งาน รูปแบบของโทโปโลยีของเครือข่ายหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้ -โทโปโลยีรูปดาว(Star) เป็นการเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารที่มีลักษณะคล้ายกับรูปดาว (STAR) หลายแฉก โดยมีศูนย์กลางของดาว หรือฮับเป็นจุดผ่านการติดต่อกันระหว่างทุกโหนดในเครือข่าย ข้อดี ของเครือข่ายแบบ STAR คือการติดตั้งเครือข่ายและการดูแลรักษาทำ ได้ง่าย หากมีโหนดใดเกิดความเสียหายก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย และศูนย์กลางสามารถตัดโหนดนั้นออกจากการสื่อสารในเครือข่ายได้ ข้อเสีย ของเครือข่ายแบบ STAR คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางมีราคาแพง และถ้าศูนย์กลางเกิดความเสียหายจะทำให้ทั้งระบบทำงานไม่ได้เลย นอกจากนี้เครือข่ายแบบ STAR ยังใช้สายสื่อสารมากกว่าแบบ BUS และ แบบ RING -โทโปโลยีแบบบัส (Bus) ลักษณะการทำงานของเครือข่ายโทโปโลยีแบบ BUS คืออุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครือข่ายจะต้องเชื่อมโยงเข้ากับสายสื่อสารหลักที่เรียกว่า "บัส" (BUS)เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่งข้อมูลไปให้ยังอีกโหนด หนึ่งภายในเครือข่าย ข้อมูลจากโหนดผู้ส่งจะถูกส่งเข้าสู่สายบัสในรูปของแพ็กเกจ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะประกอบด้วยตำแหน่งของผู้ส่งและผู้รับ และข้อมูล การสื่อสารภายในสายบัสจะเป็นแบบ 2 ทิศทางแยกไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของบัส โดยตรงปลายทั้ง 2 ด้านของบัสจะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ดูดกลืนสัญญาณ เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลนั้นสะท้อนกลับ เข้ามายังบัสอีก เป็นการป้องกันการชนกันของสัญญาณข้อมูลอื่น ๆ ที่เดินทางอยู่บนบัส ข้อเสีย อย่างหนึ่งของเครือข่ายแบบ BUS คือการไหลของข้อมูลที่เป็น 2 ทิศทางทำให้ระบุจุดที่เกิดความเสียหายในบัสยาก และโหนดที่ถัดต่อไปจากจุดที่เกิดความเสียหายจนถึงปลายของบัสจะไม่สามารถทำการสื่อสารข้อมูลได้ แต่โหนดที่อยู่ก่อนหน้าจุดเสียหายจะยังคงสื่อสารข้อมูลได้ -โทโปโลยีรูปวงแหวน (Ring) เครือข่ายแบบ RING เป็นการสื่อสารที่ส่งผ่านไปในเครือข่าย ข้อมูลข่าวสารจะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปในทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน หรือ RING นั่นเอง ข้อดี ของเครือข่ายแบบ RING คือผู้ส่งสามารถส่งข้อมูลไปยังผู้รับได้หลาย ๆ โหนดพร้อมกัน โดยกำหนดตำแหน่งปลายทางเหล่านั้นลงในส่วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล รีพีตเตอร์ของแต่ละโหนดจะทำการตรวจสอบเอง ว่ามีข้อมูลส่งมาให้ที่โหนดตนเองหรือไม่ การส่งผ่านข้อมูลในเครือข่ายแบบ RING จะเป็นไปในทิศทางเดียวจากโหนดสู่โหนด จึงไม่มีการชนกันของสัญญาณข้อมูล ข้อเสีย คือ ถ้ามีโหนดใดโหนดหนึ่งในเครือข่ายเสียหาย ข้อมูลจะไม่สามารถส่งผ่านไปยังโหนดต่อไปได้ และจะทำให้เครือข่ายทั้งเครือข่ายขาดการติดต่อสื่อสารได้ ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือขณะที่ข้อมูลถูกส่งผ่านแต่ละโหนด เวลาส่วนหนึ่งจะสูญเสียไปกับการที่ทุก ๆ รีพีตเตอร์จะต้องทำการคัดลอกข้อมูล และตรวจสอบตำแหน่งปลายทางของข้อมูล อีกทั้งการติดตั้งเครือข่ายแบบ RING ก็ทำได้ยากกว่าแบบ BUS และใช้สายสื่อสารมากกว่า

4. จงอธิบายความหมายและรายละเอียดของ (10 คะแนน)
* 10 base5
10Base5 หมายถึงระบบเครือข่ายที่มีความเร็ว 10 Mbps BASE หมายถึงการรับ-ส่งข้อมูลจะอยู่ในรูปแบบของ Baseband ส่วน 5 หมายถึงความยาวของสายสัญญาณที่ใช้รับส่งข้อมูล 500 เมตร ซึ่งสายสัญญาณที่ใช้ในเครือข่าย 10Base5 นี้ได้แก่สาย Coaxial อย่างหนา อุปกรณ์ที่ใช้ใน 10Base5 ต่อไปนี้เป็นชุดของอุปกรณ์ที่ใช้ส่งสัญญาณสำหรับเครือข่าย 10Base5
• Network Interface Card (NIC) หรือ LAN Card พร้อมด้วย Connector ที่เรียกว่า AUI Connector ขนาด 15 Pin
• สายที่ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ Transceiver หรือที่เรียกว่าสาย AUI ที่ได้มาตรฐาน IEEE
• อุปกรณ์ 10Base5 Transceiver หรือที่เรียกว่า MAU อุปกรณ์นี้ใช้เชื่อมต่อกับสายสัญญาณรับส่งข้อมูล และต้องทำงานภายใต้มาตรฐาน IEEE
• 10Base5 Repeater พร้อมด้วย AUI Port ขนาด 15 Pin Network Interface Card (NIC) Ethernet NIC เป็น Card ที่ประกอบด้วยชุดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีหน้าที่การทำงานหลายอย่างที่สำคัญบนเครือข่าย Ethernet ประกอบด้วยหน้าที่การทำงาน ดังต่อไปนี้
• จัดสร้าง Frame ของข้อมูลขึ้น รวมทั้งเอาข้อมูลไปไว้ใน Frame
• ตรวจสอบสายสัญญาณเพื่อดูว่า มีใครใช้สายอยู่หรือไม่ (สำหรับ 10Base-2)
• ตรวจสอบการชนกันของสัญญาณบนเครือข่าย (สำหรับ 10Base-2)

- 10baesT 10baesT 10 หมายถึง 10Mbps ส่วน T หมายถึง Twisted Pair ลักษณะนี้แสดงว่าเป็นระบบเครือข่ายEthernet ที่ใช้สายTwisted Pair เป็นสื่อในการส่งสัญญาณการเชื่อมต่อแบบ 10BaseT นั้นเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากติดตั้งได้ง่าย และดูแลรักษาง่าย ความจริง 10BaseT ไม่ได้เป็น Ethernet โดยแท้ แต่เป็นการผสมระหว่าง Ethernet และ Tolopogy แบบ Star สายที่ใช้ก็จะเป็น สาย UTP และมีอุปกรณ์ตัวกลางเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสายที่มาจากเครื่อง ทุกเครื่องในระบบเครือข่าย อุปกรณ์ตัวกลางนี้เรียกว่า HUB ซึ่งจะคอยรับสัญญาณระหว่าง เครื่อง Client กับเครื่อง Server ในกรณีที่มีสายจากเครื่อง Client ใดเกิดเสียหรือมีปัญหา สัญญาณไฟที่ปรากฏอยู่บน Hub จะดับลง ทำให้เราทราบได้ว่า เครื่อง Client ใดมีปัญหา และปัญหาที่เกิดขึ้น จะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อระบบ Network เลย แต่ระบบนี้จะต้องทำการดูแลรักษา Hub ให้เป็นอย่างดี เนื่องจาก Hub มีปัญหา จะส่งผลกระทบ ทำให้ระบบหยุดชะงักลงทันที การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายในลักษณะ 10BaseT นั้น เครื่องทุกเครื่องจะต้องเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ HUB โดยใช้สาย UTP ซึ่งเข้าหัวต่อเป็น RJ45 เสียบเข้ากับ HUB และ Card Lan ซึ่งจะเห็นว่า เครือข่ายแบบ 10BaseT นี้จะใช้อุปกรณ์ไม่กี่อย่าง ซึ่งต่างกับระบบเครือข่าย 10Base2 แต่อุปกรณ์ของ 10BaseT นั้นจะแพงกว่า

-10baesTX
10baesTX ถูกออกแบบมาบนพื้นฐานของมาตรฐาน TP-PMD(ANSI Develope Copper FDDI Physical Layer Dependent Sublayer Technology)มีคุณลักษณะการทำงานดังนี้ SEGMENT LENGTH: หรือขนาดความยาวสายของแต่ละ Segment ถ้าหากใช้สาย UTP ACAT-5 แบบ 2 PAIR จะได้ความยาวที่ 100 เมตร ภายใต้มาตรฐาน EIA/TIA 568 UTP ซึ่งเป็นมาตรฐานการเดินสายโดยมีคู่สายแรกใช้เพื่อ ส่งข้อมูล ส่วนอีกหนึ่งคู่สายสำหรับรับข้อมูล ชนิดของสายสัญญาณ : ความถี่ทางไฟฟ้าของ 10baesT คือ 20 MHZ ส่วนความถี่ทางไฟฟ้าสำหรับ10baesTX อยู่ที่ 125 MHZ แต่เนื่องจากมรการใช้วิธีการทาง MULITI-LEVEL TRANSMISSION-3 (MLT-3) WAVE Shapingเพื่อลดสัญญาณความถี่จาก125MHZ ลงมาเหลือ 41.6 MHZ ทำให้สามารถใช้ CAT-5UTP ได้สบาย นอกจากนี้ยังสามารถใช้สาย STP มาตรฐาน IBM TYPE 1 และ DB-9 Connector Connectors ที่ใช้ : เช่นเดียวกับ 10baesT คือ RJ-45

-10baesFX 10baesFX ถูกออกแบบให้ใช้กับงานที่ต้องใช้สาย Fiber Optic หรือระบบ FDDI Techologyb สำหรับรับส่งข้อมูลผ่าน Back Bone ความเร็วสูงหรือเพิ่มระยะทางการเชื่อมต่อให้ยาวกว่าเดิม10baesFX คล้ายกันกับ 10baesTX ตรงที่มีการยืมเอามาตฐานทางด้าน Physical Layer 0าก ANSI X3T9.5 FDDI Physical LayerMedia Dependent(FIBER PMD) โดยมีการประยุกต์ใช้งานสาย Fiber Opticแบบ Multimode ขนาด 2-STRAND (62.5/125 nm) ขาดของความยาวสูงสุดของสาย fiber ที่ใช้เชื่อมต่อสามารถแปรผันได้

- 10baesT4 10baesT4 เป็นมาตรฐานใหม่ของ PHY ขณะที่ 10baesTX และ FX ทำงานบนพื้นฐานของเทคโนโลยี FDDI 10baesT4 ใช้ UTP Category3 10baesT4 ที่ใช้สาย UTP 4 Pair ที่ใช้กับ Voyce Drade CAT 3 ก็เพียงพอ 10baesT4 ใช้สาย PAIR ครบทั้ง 4 คู่ โดยมี 3 PAIR ใช้ในการส่งข้อมูลขณะที่คู่ที่ 4 ใช้เพื่อเป็นช่องรับเพื่อตรวจสอบ collision 10baesT4 ไม่เหมือนกับ10baesT และ 10baesTX ตรงที่ไมีมีการกำหนดแน่ชัดว่าสาย PAIR คู่ไหนใช้รับส่งข้อมูล ด้วยเหตุนี้จึงรับส่งข้อมูลแบบ full-duplex ไม่ได้ 10baesT4 ใช้ RJ-45 Connector 8 ขา ความยาวสูงสุดของ segment สำหรับ 10baesT4 คือ 100m และได้มาตรฐานการเดินสาย ELA-568 10baesT4 ใช้วิธีการเข้ารหัสแบบ 2b/6t ซึ่งทำงานได้ดีกว่า Manchester Encoding

5. IP private network คืออะไร มีหมายเลขใดบ้างที่อนุญาตให้ใช้งานได้ (5 คะแนน)
ตอบ Private Network คือ เน็ตเวิร์กส่วนตัว ซึ่งถูกแบ่งแยกออกมาจาก Public Network ตัว Public Network หรือที่เรียกว่า Internet หรืออภิมหาเครือข่าย ซึ่งต่อโยงเป็นใยกันไปทั่วโลกนั้นเองโดยปกติการต่อโยงของคอมพิวเตอร์ใน Public Network นั้นใช้โพรโตคอล TCP/IP ซึ่งเป็น Unique คือ เป็นกฎตายตัวว่าอุปกรณ์เครือข่าย (Network Device) แต่ละตัว ต้องมีเลข IP ที่ไม่ซ้ำกัน ถ้าซ้ำกันก็จะใช้งานไม่ได้เลย การเติบโตของกลุ่มเครือข่ายส่วนตัว (Private Network) ทำให้ต้องมีการกำหนด IP Address เฉพาะ ซึ่งเป็นข้อตกลงสากลที่กลุ่มเครือข่ายส่วนตัว (Private Network) สามารถนำเลข IP เหล่านี้ไปใช้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะซ้ำกับใคร

6. จงแปลงค่า ip address ต่อไปนี้ให้เป็น binary 32 bit (15 คะแนน)

50.60.89.125
ตอบ = 00110010.00111100.01011001.01111101

100.25.99.242
ตอบ = 01100100.00011001.01100011.11110010

85.22.75.5
ตอบ = 01010101.00010110.01001011.00000101

205.35.44.65
ตอบ = 11001101.00100011.00101100.01000001

200.29.30
ตอบ = 11001000.00011101.00000011.00000000

7. จาก CIDR ต่อไปนี้จงแสดงหมายเลข subnet mask พร้อมแสดง binary 32 bit (10 คะแนน)

/18 ตอบ = 11111111.11111111.11000000.00000000
/20 ตอบ = 11111111.11111111.11110000.00000000
/25 ตอบ = 11111111.11111111.11111111.10000000
/28 ตอบ = 11111111.11111111.11111111.11110000
/15 ตอบ = 11111111.11111110.00000000.00000000

8. IP address Class B และ C จากบิตที่ถูก mark เข้ามา ต่อไปนี้จงแสดงวิธีคำนวณ จำนวน subnet และ จำนวน hosts ต่อ subnt พร้อมทั้งแสดงคำตอบเป็นหมายเลข subnet mask และบอกจำนวน CIDR (20 คะแนน)

11111111.11111111.11111111.11100000
ตอบ hosts = 62 subnet = 6 subnet mask 255.255.255.224 CIDR = /27

11111111.11111111.11111111.11110000
ตอบ hosts = 14 subnet = 14 subnet mask 255.255.255.240 CIDR = /28

11111111.11111111.11111111.11111100
ตอบ hosts = 6 subnet = 62 subnet mask 255.255.255.252 CIDR = /30

11111111.11111111.11111000.00000000
ตอบ hosts = 2046 subnet = 30 subnet mask 255.255.248.0 CIDR = /21

11111111.11111111.11111110.00000000
ตอบ hosts = 510 subnet = 126 subnet mask 255.255.254.0 CIDR = /23

9.จงบอกรายละเอียดเกี่ยวกับ IP Adderss ให้ครอบคลุมและเข้าใจ (5 คะแนน)
ตอบ IP Address เปรียบเสมือน หมายเลขโทรศัพท์ ประจำบ้าน ของเครื่อง Computer ที่อยู่ใน Network แบบ TCP/IP (ซึ่งใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในขณะนี้ รวมถึง Internet ด้วย) IP Address สำหรับเครื่องแต่ละเครื่องจะต้องไม่มีการซ้ำกัน ไม่เช่นนั้นการส่งข้อความอาจจะเกิดความผิดพลาดได้ เพราะข้อมูลที่รับส่งใน Network นั้นเปรียบเสมือน การพูดคุยทางโทรศัพท์ ระหว่าง เบอร์สองเบอร์ เครื่อง Computer ทุกๆเครื่องใน Network แบบ TCP/IP นั้นจะต้องมี IP Address ประจำตัวเสมอ ไม่มีไม่ได้ IPAddress ของแต่ละเครื่องเราสามารถ Set ได้เอง IP Address จะมีรูปแบบ

10. จงแสดงรหัส Ascii คำว่า "IaMa GiRI" (10 คะแนน)

ตอบ 73 97 77 97 32 71 105 82 73




ข้อสอบกลางภาควิชา การจัดการระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล (3562104) 3/47

1. Protocal UDP ทำงานอยู่ Layes ใด
ก. 1
ข. 2
ค. 3.
ง. 4

2. Protocal IP ทำงานอยู่ Layes ใด

ก. 1
ข. 2.
ค. 3
ง. 4

3. 255.255.255.0 เป็น SubnetMask Default ของ Class ใด

ก. Claass A
ข. Claass B
ค. Claass C.
ง. Claass D

4. ข้อใดคืออักษร Z

ก. 0101101
ข. 10100111
ค. 01001010
ง. 01011010

5. ข้อใดคืออักษร P

ก. 4B
ข. 4C
ค. 50
ง. 54

6. ค่าเริ่มต้นของ a คือ

ก. 41
ข. 51
ค. 61
ง. 91

7. ข้อใดคืออักษร d

ก. 64
ข. 65
ค. 66
ง. 67

8. Topology ที่เป็น 10baseT ใช้การเชื่อมต่อแบบ

ก. BUS
ข. STAR
ค. RING
ง. TREE

9. ในระบบ Ethernet IEEE802.3 ใช้ Protocal ใน Layer ที่ 2 คือ Protocal ใด

ก. TCP (Tranmission Prot)
ข. IP (Internet protocal)
ค. CSMA/CA
ง. CSMA/CD

10. Port 21 ใช้กับ Application (โปรแกรม) ใด

ก. Talnet
ข. HTTP
ค. FTP.
ง. Rlogin

11. Port 80 ใช้กับ Application (โปรแกรม) ใด

ก. Talnet
ข. HTTP.
ค. FTP
ง. Rlogin

12. Port 23 ใช้กับ Application (โปรแกรม) ใด

ก. Talnet.
ข. HTTP
ค. FTP
ง. Rlogin

13. ทิศทางการสื่อสารข้อมูลที่สามารถส่งได้ทั่งไปและกลับพร้อมกันคือข้อใด

ก. Full Duplex.
ข. Half DuPlex
ค. Simplex
ง. ถูกทุกข้อ

14. สื่อสัญญาณชนิดใดที่มีราคาถูกที่สุด

ก. UTP
ข. Coaxial.
ค. Fiber Optic
ง. ถูกทุกข้อ

15. จากข้อ 14 สื่อสัญญาณชนิดใดที่เกิดการรบกวนจากสภาพภูมิอากาศแล้วมีผลกระทบมากที่สุด

ก. UTP
ข. Coaxialค. Fiber Optic
ง. ถูกทุกข้อ

16. โครงข่ายแบบ แพคเกตสวิตซ์ (Packet Switch) ใช้กับเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลข้อใด
ก. โทรศัพท์เคลื่อนที่
ข. โทรศัพท์สาธารณะ.
ค. โทรเลขง. อินเตอร์เน็ต

17. CSMA/CA ทำงานอยู่ที่ Layer ใดของ OSI Model
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4

18. CSMA/CD ทำงานอยู่ที่ Layer ใดของ OSI Model
ก. 1
ข. 2.
ค. 3
ง. 4

19. ไอพีเวอร์ชั่น 6 (IPV6) มีกี่บิต
ก. 16
ข. 32
ค. 64
ง. 128.

20. ไอพีเวอร์ชั่น 4 (IPV4) มีกี่บิต
ก. 16
ข. 32.
ค. 64
ง. 128

21. ค่าเริ่มต้นของ IPV4 Class C เริ่มจาก
ก. 191-233
ข. 192-233
ค. 191-223
ง. 192-223.

22.บิตเริ่มต้นของ IP Class B คือ
ก. 0
ข. 10.
ค.110
ง. 1110

23. บิตเริ่มต้นของ IP Class C คือ
ก. 0
ข. 10
ค.110.
ง. 1110

24. 192.168.0.0/27 มี subnet mask เท่าใด
ก. 255.255.255.0
ข. 255.255.255.240
ค. 255.255.255.224.
ง. 255.255.255.248

25. ใครเป็นคนสร้างมาตรฐาน OSI Model ขึ้นมา
ก. IEEE
ข. RFC
ค. ISO.
ง. CCITT

26. เครือข่ายแบบใดใช้สาย Coaxial
ก. Bus
ข.Star
ค. Ring
ง. Mesh

27. บลูธูท (Bluetooth) จัดเป็นเทคโนโลยีใช้ในเครือข่ายแบบใด
ก. WAN
ข. MAN
ค. LAN.
ง. PAN

28. 255.255.254.0 มี CIDR เท่าใด
ก. /23.
ข. /24
ค. /25
ง. /26

29. 255.255.255.0 จาก Subnet ที่กำหนดให้ สามารถรองรับ Host ได้กี่ Host
ก. 126 Host
ข. 250 Host
ค. 254 Host.
ง. 255 Host

30. 255.255.255.128 จากSubnet ที่กำหนดให้ สามารถรองรับ Host ได้กี่ Host
ก. 124 Host
ข. 126 Host.
ค. 1022 Host
ง. 2046 Host

31. 11111111.11111111.11111111.11000000 จาก Binary Bit ที่กำหนดให้ รองรับได้กี่ Subnet
ก. 2 Subnet
ข. 4 Subnet.
ค. 6 Subnet
ง. 8 Subnet

32. 11111111.11111111.11111111.11100000 จาก Binary Bit ที่กำหนดให้ รองรับได้กี่ Host
ก. 6 Host
ข. 14 Host
ค. 30 Host.
ง. 62 Host

33. 11111111.11111111.11111111.11110000 จาก Binary Bit ที่กำหนดให้ รองรับได้กี่ Host
ก. 6 Host
ข. 14 Host.
ค. 30 Host
ง. 62 Host

34. IP Address Class A มีกี่เปอร์(%) ของ IP ทั่วโลก
ก. 12.5 %
ข. 25 %
ค. 45 %
ง. 50 %.

35. หมายเลข NET และHOST ที่ถูกต้องของ Class C
ก. N.N.N.H.
ข. N.N.H.H
ค. H.H.H.N
ง. H.H.N.N

36. 192.168.0.0/24 จะได้ค่า Subet Mask ค่าใด
ก. 255.255.254.0
ข. 255.255.255.0.
ค. 255.255.255.192
ง. 255.255.255.248

37. IP Private Network Class A คือข้อใด
ก. 192.168.0.0
ข. 127.0.0.1
ค. 172.16.0.0
ง. 10.0.0.0.

38. OSI มีกี่ Layer
ก. 5 Layer
ข. 6 Layer
ค. 7 Layer.
ง. 8 Layer

39. Layer บนสุดเรียกว่า
ก. Physical Layer
ข. Datalink Layer
ค. Pressentation Layer
ง. Application Layer.

40. . IP Address ทำงานอยู่ที่ Layer ใด
ก. Layer 1
ข. Layer 2
ค. Layer 3.
ง. Layer 4


ตอนที่ 2

1. จงแสดงวิธีทำการแปลค่าไอพีแอสเดรสที่กำหนดให้ต่อไปนี้เป็น Binary ( ฐาน 2)
1. 205.102.100.55. (5 คะแนน)
ตอบ 11001101.01100110.01100100.00110111
2. 68.99.56.60. (5 คะแนน)
ตอบ 01000101.01100011.0011100.00111100
3. 39.200.109.109. (5 คะแนน)
ตอบ 00100111.11001000.01101101.01101101
4. 22.165.10.0 (5 คะแนน)
ตอบ 00010110.10100101.000001010.0
5. 111.11.25.2 (5 คะแนน)
ตอบ 01101111.00001011.00011001.00000010
2. แสดงการคำนวน หมายเลข Subnet mask จาก CIDR ที่กำหนดให้ต่อไปนี้
1. /14 ( 3 คะแนน)
ตอบ 255.252.0.0
2. /20 ( 3 คะแนน)
ตอบ 255.255.240.0
3. /22 ( 3 คะแนน)
ตอบ 255.255.255.128
4. /25 ( 3 คะแนน)
ตอบ 255.255.255.248
5. /29 ( 3 คะแนน)
ตอบ

3. จงแสดงวิธีคำนวน Subnet และจำนวน host จาก bit ที่ mask เข้ามาดังนี้
1. Class A, mask เข้ามา 4 บิต ( 3 คะแนน)
ตอบ 11111111.11110000.00000000.00000000
Subnet = 14 host= 1048574

2.Class B, mask เข้ามา 4 บิต ( 3 คะแนน)
ตอบ 11111111.11111111.11111100.00000000
Subnet = 34 host= 1022

3.Class C, mask เข้ามา 4 บิต ( 3 คะแนน)
ตอบ 11111111.11111111.11111111.11100000
Subnet = 6 host= 30

4. จงวาดรูปโครงสร้างของ OSI model พร้อมอธิบายหน้าที่การทำงานของแต่ละ Layer
(10 คะแนน)
ตอบ

โจทย์ จงเลือกคำตอบ A-N จากคอลัมน์ตัวเลือกมาเติมลงในคอลัมคำตอบให้ถูกต้อง (10 คะแนน)

โจทย์:จงกาเครื่องหมาย ลงหน้าข้อที่ถูกและเครื่องหมาย ลงหน้าข้อที่ผิด
_______ 1. IPAdress ClassAมีhost สูงสุด 16,777,216-2 host
_______ 2.Subnet mask Defualt Class B=255.255.192.0
_______ 3.การตรวจสอบ Subnet เดียวกันจะใช้วิธี XOR
_______ 4.การต่อสาย UTP แบบไขว้ใช้สำหรับการต่อแบบคอมพิวเตอร์ไปยังคอมพิวเตอร์
_______ 5.CIDR /24 จะสามราถ Broadcast host ได้ถึง 254 host
_______ 6. IEEE802.11คือเครือข่าย WMAN
_______ 7. IPAdress ทำงานอยู่ที่ Leyer 4 ของ OSI Model
_______ 8. เครือข่าย Internetเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครือข่ายแบบ Curcuit Switch
_______ 9. Leyer ที่ 3ของ OSI มี Router ทำงานอยู่
_______ 10.Fast Ethernet มีความเร็ว 1000 mbps

เฉลย
1. ถูก
2. ผิด
3. ถูก
4. ถูก
5.ถูก
6. ผิด
7.ผิด
8. ถูก
9.ถูก
10. ผิด


10.โจทย์:จงเลือกคำตอบ A-N จากคอลัมน์ตัวเลือกมาเติมลงในคอลัมคำตอบให้ถูกต้อง
K_______ 1. CLASS A A โครงข่ายแบบ Message Switch
I_______ 2.CLASSS B B STAR
G_______ 3. CLASS C C RING
H_______ 4. 10 BASE2 D CSMA
B_______ 5. 100BASET E CSMA/CD
O_______ 6. 1110 F CSMA/CA
F_______ 7. WLAN G 21.25.0.0
E______ 8.Ethernet H FIBER
L_______ 9. 128 Bit I 192.25.0.0
N_______ 10. 2*8 J Tick Coax
K 25.254.2.120
L IP V6
M 256
N 254
O Start Bit Class C

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อสอบ บทที่ 1 (Datacomm)

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูล
1. ข้อใดให้ความหมายของ “การสื่อสารข้อมูล”ได้ถูกต้อง
ก. สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ข. ระบบใด ๆ ก็ตามที่ข้อมูลหรือข่าวสารสามารถถูกส่งผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ ได้ระบบใดๆ ก็ตามที่ข้อมูลหรือข่าวสารสามารถถูกส่งผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ ได้
ค. การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อเพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูล
ง. การรับ – ส่ง โอนย้ายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศระหว่างอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ผ่านสื่อนำข้อมูล.

2. ข้อใดให้ความหมายของ “เครือข่ายคอมพิวเตอร์”ได้ถูกต้อง
ก. การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อเพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูล.
ข. ระบบใด ๆ ก็ตามที่ข้อมูลหรือข่าวสารสามารถถูกส่งผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ ได้ระบบใดๆ ก็ตามที่ข้อมูลหรือข่าวสารสามารถถูกส่งผ่านสื่อประเภทต่าง ๆ ได้
ค. การรับ – ส่ง โอนย้ายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศระหว่างอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ผ่านสื่อนำข้อมูลง. สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

3. ผู้รับข้อมูล (Receiver)หรืออุปกรณ์รับข้อมูล คือข้อใด
ก. สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ข. สิ่งที่ทำหน้าที่รับข้อมูลที่ถูกส่งมาให้.
ค. สิ่งที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังจุดหมายที่ต้องการ
ง. กฎหรือระเบียบวิธีที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการสื่อสารข้อมูล ให้ผู้รับและผู้ส่งเข้าใจตรงกันในสิ่งที่ส่ง

4. ข้อมูล (Data) คือข้อใด
ก. ข้อมูลที่ถูกส่ง เช่น เสียง ข้อความ ภาพ และอื่น ๆ.
ข. สิ่งที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังจุดหมายที่ต้องการ
ค. สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ง. กฎหรือระเบียบวิธีที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อการสื่อสารข้อมูล ให้ผู้รับและผู้ส่งเข้าใจตรงกันในสิ่งที่ส่ง

5. Bit rate คือข้อใด
ก. สิ่งที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังจุดหมายที่ต้องการ
ข. อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลแบบดิจิตอล.
ค. สิ่งที่ทำหน้าที่รับข้อมูลที่ถูกส่งมาให้
ง. สิ่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

6. ทิศทางการสื่อสารจำแนกได้กี่รูปแบบ
ก. 2 รูปแบบ
ข. 3 รูปแบบ.
ค. 4 รูปแบบ
ง. 5 รูปแบบ

7. การส่งข้อมูลแบบสองทิศทางพร้อมกัน (Full-duplex transmission)
ก. ผู้รับข้อมูลก็ทำหน้าที่รับข้อมูลแต่เพียงอย่างเดียว
ข. เป็นการสื่อสารข้อมูลโดยที่แต่ละฝ่ายสามารถเป็นได้ทั้งผู้รับและผู้ส่ง
ค. เป็นการสื่อสารข้อมูลโดยที่แต่ละฝ่ายสามารถเป็นได้ทั้งผู้รับและผู้ส่งในเวลาเดียวกัน.
ง. เป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีผู้ส่งข้อมูลทำหน้าที่ส่งข้อมูลแต่เพียงอย่างเดียว

8. ข้อใดเป็นข้อมูลที่ถูกส่งออกไป
ก. เสียง
ข. ข้อความ
ค. ภาพ
ง. ถูกทุกข้อ.

9. สัญญาณข้อมูล ได้แก่ข้อใด
ก. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ข. สัญญาณอนาลอก
ค. สัญญาณดิจิตอล
ง. ข้อ ข และ ค ถูก.
10. พลังงานไฟฟ้าที่มีความถี่ และแอมปิจูดคงที่ เรียกว่าอะไร
ก. มอดูเลเตอร์
ข. การมองดูเลต
ค. คลื่นพาหะ.
ง. ดีมอดูเลต